ใครจะไปคิดว่าป๊อกบาที่เล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสจะเป็นคนละคนกับป๊อกบาที่เล่นให้กับแมนยู เพราะแต่ละนัดเขาเล่นด้วยความทุ่มเท รัดกุม มีวินัยสูง ไม่มีการโชว์เหนือ แอ๊คอาร์ก อะไรทั้งนั้น
เขากลายเป็นคีย์แมนคนสำคัญที่ทำให้ฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกไปครองในที่สุด โดยเฉพาะการโยนบอลยาวของเขาที่เป็นกลยุทธ์เด็ดในแผนการเล่นของเดชองด์ อีกทั้งนัดสุดท้ายเจ้าตัวก็มาระเบิดฟอร์มยิงประตูในนัดชิงได้ 1 ลูก พร้อมลูกเปิดยาวสวย ๆ อีกหลายลูก
นอกจากพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ในรอบ 20 ปีแล้ว ในฐานะนักเตะปีศาจแดง ป๊อกบาก็ได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึง 5 เรื่อง
1 ป๊อกบาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะคนที่ 4 ของแมนยูที่ได้สัมผัสถ้วยฟุตบอลโลกในรอบ 52 ปีเลยทีเดียว ต่อจาก อังกฤษที่ได้แชมป์ในปี 1966 ซึ่งนับรวมก็เป็นระยะเวลานานกว่า 52 ปีแล้ว ต่อจากบ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, น็อบบี้ สไตลส์ และจอห์น คอนเนลลี่ ที่คว้าแชมป์โลกกับอังกฤษในปี 1966 ปีที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพบอลโลก
2 ป๊อกบายังได้ชื่อว่าเป็นนักเตะฝรั่งเศสคนแรกของแมนยูที่ได้เล่นรอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ เพราะนักเตะสามคนที่เคยได้ล้วนเป็นนักเตะทีมชาติอังกฤษทั้งนั้น
3 เป็นนักเตะแมนยูคนแรกที่ยิงประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกสโมสรหนึ่ง ที่ไม่เคยมีนักเตะจากสโมสรยิงได้ในนัดชิงบอลโลกเลย และป๊อกบาเป็นคนแรกที่ทำได้
4 ไม่เพียงแต่ยิงประตูได้ ป๊อกบายังเป็นนักเตะแมนยูคนแรกที่ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ (MOM) ซึ่งแน่นอนไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
5 เป็นนักเตะแมนยูที่อายุน้อยสุดเป็นอันดับที่ 2 ที่คว้าแชมป์โลกได้รองจาก น๊อบบี้ สไตลส์ ที่คว้าแชมป์กับอังกฤษเมื่อปี 1966 ตอนอายุ 24 ปี ส่วนป๊อกบาทำได้ในวัย 25 ปี (บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน 29 ปี, จอห์น คอนเนลลี่ 28 ปี)
ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่นักเตะแมนยูไม่ค่อยได้ชิงบอลโลกก็เป็นเพราะนักเตะส่วนใหญ่ในทีมมักจะเป็นผู้เล่นจากอังกฤษและ สหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ค่อยได้ชิง ส่วนนักเตะที่เคยได้แชมป์ส่วนมาก็ย้ายมาแมนยูหลังจากคว้าแชมป์แล้ว
ยังไงก็ยินดีกับพอล ป๊อกบาของเราด้วย หวังว่าจะเอาฟอร์มดี ๆ ในทีมชาติติดตัวกลับมารับใช้สโมสรด้วย
ขอขอบคุณ : lifeiscolon