เวลานี้ลิเวอร์พูลไม่ได้ต้อง “ต่อสู้” กับสภาพจิตใจจากเกมแพ้เยอะ 0-3 ต่อบาร์เซโลน่า และต้องเดินทางเยือน 2 ประเทศทั้ง สเปน และบุกเซนต์ เจมส์ ปาร์ค เท่านั้น
ทว่า ทุกคนทราบดีกับทีมนิวคาสเซิล ซึ่งเล่น “เหนียวแน่น” โต้กลับดีกับการมีอดีตกุนซือหงส์แดง ราฟาเอล เบนิเตซ คุมทีม และเจ้าตัวก็ลั่นวาจาแล้วว่าจะไม่มี “ออมมือ”
พลพรรค “ทูน อาร์มี” เคยปราบแมนฯซิตี้มาแล้ว ณ สนามแห่งนี้แม้ถูกยิงนำไปก่อนด้วยซ้ำ
ประเด็น คือ ระบบ 5-4-1 เพราะใช้เซนเตอร์ฮาล์ฟ 3 คนนำโดย เฟอร์นานเดซ, ดัมเมตต์ และชาร์ กับ 2 มิดฟิลด์ตัวกลาง เชลวีย์ และเฮย์เดน จะประสานสอดรับพื้นที่ตรงกลาง และปิด half spaces ให้ทัพหงส์แดงเจาะทะลุตรงกลางยากมาก
อีกทั้งจะบีบไม่ให้ เยอร์เก้น คลอปป์ และเด็ก ๆ ได้เจาะจากด้านข้างง่าย ๆ เพื่อให้ทุกบอลที่เข้ามาหาเป็นไปตามวิถีเส้นทางที่เตรียมมา และต้องการ
เรียกได้ว่า ไลน์รับ 5 คน ต่อด้วยมิดฟิลด์ 4 คนจะรับแบบ compact โดยทิ้ง รอนดอน ไว้เป็นตัวเป้าคนเดียวคอยชน และพักบอลรอเพื่อน
นั่นหมายความว่า ลิเวอร์พูล ต้องเตรียมรับมือการ transition เวลาโดนโต้กลับให้ดีด้วย
เพราะ “บอลแรก” จะยาวทิ้งไปที่ รอนดอน ที่พักบอล และรอเพื่อนเติมครั้งละ 3-4 คนรวมกับตัวเองเป็น 5 คน
เสมือนรุก 5 คนแบบรวดเร็วโดยเฉพาะตัวริมเส้น เปเรซ กับอัตซู และมีรอรับกันพลาดอีก 5 คนไม่ให้ 3 ประสาน มาเน่-เฟียร์มิโน่-ซาลาห์ ได้เป็นหัวหอกแถวบนในการโต้กลับ
Shape และวิธีการเล่นของ “ราฟา” กับเด็ก ๆ จะเป็นแบบนี้ตลอดเกม 90 นาที
ไม่ว่าจะนำ หรือเป็นฝ่ายตาม
นิวคาสเซิลมีรูปแบบวิธีการเล่น “แบบเดียว” เหมือนนายไข่เจียว คือ ทำได้แบบเดียว แต่ทำได้ดีจริง ๆ
ครับ ลิเวอร์พูล จำเป็นต้องมีตัว unlock ที่สามารถสร้างความพิเศษ และแตกต่างให้ได้
เหมือนพักหลังได้ เฮนเดอร์สัน กับพื้นที่ทางด้านขวา แต่เกมนี้ชื่ออย่าง อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน อาจได้ทำอะไรน่าสนใจหลังดูเหมือนว่า “พร้อมแล้ว”
ทั้งนี้ที่เหมือน นิวคาสเซิล คือ ลิเวอร์พูลก็มีรูปแบบการเล่น 4-3-3 เป็นหลักอยู่แล้วแบบเดียว
จะปรับวิธีการบ้างก็ตรงแดนกลางตาม “คาแรกเตอร์” การจะใช้งาน หรือการจะรับมือคู่ต่อสู้
หรืออาจจะแบ็คขวาว่าจะเน้นรับ (โจ โกเมซ เช่นเกมล่าสุด) หรือเน้นรุกแล้วครอสส์ดี ๆ แบบ เทรนท์
หาไม่แล้ว ลิเวอร์พูล กับแนวทางคลอปป์ในปีนี้ไม่ได้มีอะไรแตกต่างมากในแต่ละนัดที่ต้องยอมรับว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ กับ 91 แต้มจาก 36 นัด
ครับ ณ เวลาที่ “เรา” เยือนนิวคาสเซิล และรอมันเดย์ไนท์ แมนฯซิตี้ เปิดรังรับ เลสเตอร์
สัปดาห์นี้น่าจะเห็นแล้วว่า ใครจะได้แชมป์หากทีมใดทีมหนึ่งทำแต้มหล่นโดยไม่ต้องรอจนนัดสุดท้ายของฤดูกาล
---------------------------
ขอขอบคุณ : ไข่มุกดำ sportdesk
---------------------------