9 แต้มสุดท้ายของการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก 2018/19

     ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จะได้ลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายแน่นอนแล้วหลังลิเวอร์พูลชนะที่เซนต์ เจมส์ พาร์ค   มีการลุ้นแชมป์ในเกมสุดท้ายอยู่หลายครั้ง 

     ลิเวอร์พูลเองก็เคยไปอยู่ตรงนั้นเหมือนกันแต่เป็นการลุ้นแบบห่างๆ เพราะเงื่อนไขก่อนเตะเป็นรองเยอะและสุดท้ายก็ไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆ เกิดขึ้นสำหรับแชมป์ฤดูกาล 2013/14

    ยังมีฤดูกาล 1998/99 ที่แมนฯ ยูไนเต็ดกับอาร์เซน่อลลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายเช่นกัน แต่ความเข้มข้นก็คงยังไม่เท่า 2 ฤดูกาลแห่งความทรงจำ..

    1994/95 กับ 2011/12

    ถ้าว่ากันที่ความดราม่าแบบขีดสุดต้องยกให้แชมป์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ฤดูกาล 2011/12 นั่นล่ะครับ หมด 90 นาทีไปแล้วแมนเชสเตอร์ ซิตี้ยังได้แค่รองแชมป์อยู่เลยแถมยังต้องยิงอีก 2 ลูก..

    พวกเขาทำได้ ด้วยลูกโขกของ เอดิน เชโก้ กับการตะบันของ เซร์คิโอ อเกวโร่

    เราคงยังจำวินาทีและภาพแห่งความบ้าคลั่งครั้งนั้นได้ดีนะครับ เพราะมันเกิดขึ้นในฟุตบอลยุคนี้ เพิ่งผ่านมา 7 ปีเท่านั้นเอง ประตูสู่แชมป์ประวัติศาสตร์ของอเกวโร่ถูกฉายซ้ำและดูซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า

    ขณะที่ปี 1995 คือความภาคภูมิใจของลิเวอร์พูลโดยเฉพาะ แม้ไม่มีส่วนไปแย่งแชมป์อะไรด้วยแต่เป็นตัวแปรสำคัญในวันปิดฤดูกาล

    หลายคนที่โตไม่ทันการแย่งแชมป์ระหว่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในครั้งนั้นคงได้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลัง 

ส่วนคนที่โตทันและนั่งชมการถ่ายทอดสดในวันนั้นอยู่คงไม่มีวันลืมลง

    ผมมีความสุขกับการดูฟุตบอลที่สุดครั้งหนึ่งก็วันนั้น ความสุขที่ว่าก็คงเหมือนกับเดอะค็อปมากมาย ทีมรักลบคำครหาที่ว่าจะเล่นไม่เต็มที่ 

แถมคู่อริตัวแสบยังพลาดแชมป์ ที่สำคัญมันพ่วงโบนัสพิเศษเปิดแอนฟิลด์ฉลองให้กับ เคนนี่ ดัลกลิช ที่กลับมาเยือนในฐานะกุนซือทีมกุหลาบไฟอีกต่างหาก

    ไม่มีอะไรสุขกว่านี้อีกแล้ว จำได้ว่านอนยิ้มไม่หุบ.. ภูมิใจกับทีมรักมาก

    ถ้าว่ากันเฉพาะพรีเมียร์ลีกก็คงมีประมาณนี้ที่นึกภาพออกในทันที แต่ถ้ามองย้อนกลับไปไกลกว่านั้นอีกในยุคดิวิชั่นหนึ่งเดิม แน่นอนวันสุดท้ายของฤดูกาล 1988/89 ยังตามหลอกหลอนมาจนวันนี้

    ไม่มีความบังเอิญอย่างนั้นเกิดขึ้นอีกเลยนะครับ ที่ว่ารองจ่าฝูงไปเยือนจ่าฝูงโดยตรงในนัดสุดท้ายและต้องเอาชนะจ่าฝูงให้ได้มากกว่า 1 ประตู..

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก แล้วที่ยิ่งทำให้มันเป็นตำนานก็คือเงื่อนไขดังกล่าวนั้นอาร์เซน่อลรองจ่าฝูงดันทะลึ่งทำได้เสียด้วย พวกเขาทำมันในวินาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลา

    1988/89, 1994/95 และ 2011/12 จึงเป็นสามฤดูกาลที่ดราม่าสุดขีดจริงๆ สำหรับผมเพราะโตทันและมีความรู้สึกร่วมไปด้วย จากหัวใจสลายในปี 1989 

สู่ความภาคภูมิใจในปี 1995 และความเร้าใจแทบระเบิดในปี 2012

    มาปีนี้มันอาจจะเกิดหรือไม่เกิดเรื่องดราม่ากระชากหัวใจก็ได้ครับ แต่ที่แน่ๆ คือเราจะได้ลุ้นกันจนถึงวันปิดฤดูกาลอีกครั้ง

    ถึงตรงนี้เรามาแตะในจุดที่การแย่งแชมป์เหลือเพียง 9 แต้มสุดท้าย..

    6 แต้มสุดท้ายของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

    3 แต้มสุดท้ายของลิเวอร์พูล

    ตัวแปรที่ชัดๆ เหลือเพียง 3 ทีม เลสเตอร์ ซิตี้, ไบรท์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส

    แน่นอนครับการชิงชัยในฤดูกาลนี้กลายเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ตารางคะแนนในเวลานี้ ลิเวอร์พูลมี 94 แต้ม แมนฯ ซิตี้มี 92 แต้ม

    เป็นคะแนนที่สูงแบบบ้าดีเดือดและให้คิดวนไปวนมาอีกหลายตลบก็ไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่า 94 คะแนนของหงส์แดง กับ 92 คะแนนของเรือใบสีฟ้านั้นจะยังไม่การันตีแชมป์ลีกให้ทั้งคู่

    เรื่องภูมิใจนั่นภูมิใจแน่ มีแต่คนบอกว่าน่าภูมิใจแล้วที่ทำผลงานได้ดีขนาดนี้ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วโยนความภูมิใจทิ้งไปก่อนครับ มันต้องหวังแชมป์เท่านั้น

    เรากำลังเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่เข้มข้นที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ฤดูกาลที่สองทีมนำเบียดบี้หายใจรดต้นคอกันอย่างตื่นเต้นที่สุด ผลัดกันแซงขึ้นเป็นจ่าฝูง ผลัดกันโยนความกดดันให้อีกฝ่าย ข้าไม่พลาด เอ็งก็ไม่พลาด เอ็งไม่พลาด ข้าก็ไม่พลาดเหมือนกัน

    9 คะแนนสุดท้าย.. ถ้าทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตี้ เก็บมันได้ทั้งหมด ซิตี้จะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ ลิเวอร์พูลจะเป็นรองแชมป์ที่มีคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ

    9 คะแนนสุดท้าย.. ถ้าแมนฯ ซิตี้สะดุดสักนัดและลิเวอร์พูลไม่พลาด ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 19 หลังรอคอยมา 29 ปี และ.. ซิตี้ก็จะเป็นรองแชมป์ที่มีคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษเช่นกัน

    ไม่ว่า 9 คะแนนสุดท้ายจะมีผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร ฤดูกาล 2018/19 ก็เป็นฤดูกาลประวัติศาสตร์อีกฤดูกาลหนึ่งไปแล้ว และมันจะยิ่งมีสีสันฉูดฉาดจัดจ้านอย่างที่สุดถ้าหากมีเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้นอย่าง 3 ฤดูกาลแห่งความทรงจำนั้นอีก..

    วันจันทร์นี้ กับ วันอาทิตย์หน้า..

    มาลุ้นไปกับ 9 แต้มสุดท้ายของการแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีก 2018/19 กันค่ะ

 ---------------------------------------------------

  ขอขอบคุณ  : ตังกุย siamsport