ฟุตบอลโลก จบลงไปสิ่งที่ตามมาก็คือ การย้ายทีมของนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในทัวร์นาเมนต์ที่ผู้คนและบรรดาโค้ชทีมต่าง ๆ จับตามองกันทั่วโลก
ฟุตบอลโลก จบลงไปสิ่งที่ตามมาก็คือ การย้ายทีมของนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในทัวร์นาเมนต์ที่ผู้คนและบรรดาโค้ชทีมต่าง ๆ จับตามองกันทั่วโลก
มีนักเตะหลายคนที่ได้ดิบได้ดีจากการโชว์ฟอร์มเจ๋งในทีมชาติ จนสามารถเรียกให้ทีมใหญ่มาคว้าตัวไปร่วมทีมหลังจากนั้น
แต่ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จกันทุกคนเสมอไป ยังมีบรรดาแข้งที่ฟอร์มเทพเหลือเกินกับทีมชาติบ้านเกิด แต่พอย้ายทีมแล้ว สงสัยว่าจะลืมพกฟอร์มแจ่ม ๆ เหล่านั้นมาเล่นให้ทีมใหม่ด้วย
นี่คือ 5 นักเตะที่โชว์ฟอร์มเปรี้ยงปร้างในเวิลด์คัพ แต่ต้องมาดับกับต้นสังกัดใหม่ มีใครบ้างไปชมกัน
นี่คือดาวยิงสูงสุดเจ้าของรางวัล โกลเด้น บู้ท ในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา แบบที่ไม่มีใครคาดคิด ซาเลนโก้ ทำได้ 6 ประตูในทัวร์นาเม้น โดยเฉพาะในนัดที่พบกับ แคเมอรูน ที่เขายิงสลุตแบบสุดหล่อไปคนเดียวถึง 5 ประตู แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้
ฟอร์มแบบนี้ก็ไปเข้าตา ไอ้ค้างคาว บาเลนเซีย ซึ่งมองเห็นศักยภาพในตัวแข้งหมีขาวรายนี้ จัดการดึงตัวมาร่วมทีมไม่นานหลังจากนั้น แต่ก็ไม่สามารถเค้นฟอร์เก่งเหมือนในฟุตบอลโลกได้ โดยลงเล่นไปเพียงฤดูกาลเดียว 25 นัด ทำได้เพียง 7 ประตู ก่อนจะโดนขายต่อให้ กลาสโกลว์ เรนเจอร์ส ในปีถัดมา แต่ก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม คือทำได้ 7 ประตูเท่ากับตอนอยู่กับ บาเลนเซีย เป๊ะ จากการลงเล่น 16 นัด น่าผิดหวังไปตาม ๆ กัน
สงสัยทีมค้างคาวคงจะลืมดูสถิติไปว่า ซาเลนโก้ ยังไม่เคยยิงให้ทีมชาติ รัสเซีย ได้เลยก่อนฟุตบอลโลกปี 94 จะเริ่มขึ้น และ 6 ลูกที่ยิงได้นั้น ก็คือสถิติทั้งหมดของเจ้าตัวกับ ทีมหมีขาว เพราะหลังจากนั้น ซาเลนโก้ ก็ไม่เคยยิงประตูเพิ่มให้กับทีมชาติได้อีกเลย
โรมาเนีย ภายใต้การนำทีมของ จอร์จี้ ฮาจี้ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่ง สร้างความฮือฮาในฟุตบอลโลก 1994 เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทำให้บรรดานักเตะในทีมต่างเนื้อหอมไปทั่วยุโรป และเป็น เวสต์แฮม ที่ต้องการจะคว้าตัวสตาร์ดังอย่าง ฟลอริน ราดูโชยู มาร่วมทีม โดย แฮร์รี เร็ดแน็ป นายใหญ่ของขุนค้อนในตอนนั้นพยายามติดต่อไปหลายครั้งแต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจ จนกระทั่งอีก 2 ปีต่อมา กุนซือตาปรือก็ประสบความสำเร็จ
"มันคุ้มค่าที่จะรอ" เรดแน็ปป์ เชื่อเช่นนั้น แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ราดูโชยู ไม่สามารถรับมือกับการเล่นในพรีเมียร์ลีกที่ทั้งเร็วและแรงได้เลย แถมพฤติกรรมและทัศนคติยังไม่มีความเป็นมืออาชีพ ถึงขนาดที่ว่าเขาโปรดปรานการไปช็อปปิ้งกับภรรยาและปฏิเสธการลงเล่นให้ เวสต์แฮม ในศึก เอฟเอคัพ เสียอย่างนั้น
ก่อนฟุตบอลโลก 1998 ที่ ฝรั่งเศส จะเริ่มขึ้น มิเชล พลาตินี ตำนานทีมตราไก่ พูดถึง กิวาร์ช กองหน้าชุดลุยฟุตบอลโลกครั้งนั้น ว่า "เขาคือหนึ่งในกองหน้าที่ได้รับการยกย่องน้อยเกินไป"
แล้วก็จริงอย่างที่ พลาตินี ว่า เพราะกองหน้ารายนี้ไม่สามารถทำประตูให้ ฝรั่งเศส ได้เลยตลอดทั้งทัวร์นาเม้น จนกระทั่งนัดสุดท้ายที่ทีม เลส์เบอลส์ สามารถก้าวขึ้นไปครองแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับ นิวคาสเซิล และ 'คิงเคนนี' เคนนี ดัลกลิช ผู้จัดการทีม ที่จัดการห่อสตาร์รายนี้ไปเล่นใน พรีเมียร์ลีก เพื่อเสริมบารมีให้กับทีม
ค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่อยู่ในระดับกลาง ๆ และ กิวาร์ช ก็ตอบแทนสาวก เดอะ แม็กพายส์ ด้วยฟอร์มการเล่นที่น่าผิดหวังที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร เขาทำได้เพียง 1 ประตู ใน 8 เดือนที่ลงเล่นให้กับทีม สาลิกาดง หลังจากนั้นก็พวกเขาก็รีบจับยัดใส่กล่องส่งต่อให้ กลาสโกลว์ เรนเจอร์ส แทบไม่ทัน
โดยมีคำสรรเสริญทิ้งท้ายจาก ดัลกลิช ว่า "สเตฟาน ไม่ใช่นักเตะที่เหมาะสมกับที่นี่เลย ให้ตาย !"
ใครเป็น เดอะค็อป ในตอนนั้นก็คงจะตื่นเต้นไม่น้อย ที่ทีมกำลังจะได้ตัวนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกามาครอบครอง ด้วยสัญญา 5 ปี หลังจากที่เจ้าตัวไปสร้างชื่อในฟุตบอลโลกที่ เกาหลี-ญี่ปุ่น
จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เอล ฮัดจิ ดิยุฟ กองหน้าฟอร์มโหดแห่งเวิลด์คัพ 2002 ถูก เชราร์ด อุลลิเยร์ นายใหญ่ชาวฝรั่งเศสของ หงส์แดง จัดการจ่ายเงินสูงถึง 10 ล้านปอนด์ ห่อมาเล่นใน แอนฟิลด์ หวังจะให้เป็นกองหน้าจอมถล่มประตูคนใหม่หลังยุคของ ฟาวเลอร์ และ โอเวน แต่กลายเป็นว่า 3 ปีที่อยู่กับ เดอะ เรดส์ เจ้าตัวทำได้ปีละลูก และยังโชว์ถ่อยด้วยการ 'ถุย' น้ำลายใส่แฟนบอล เซลติก ถึงถิ่น ปาร์คเฮด ในฟุตบอล ยูฟาคัพ จากนั้นเลยหมดอนาคต ถูกส่งต่อให้ โบลตัน เอาไปใช้งานในปี 2005
หลังจากย้ายออกจาก ลิเวอร์พูล ดิยุฟ ก็ยังคงกล่าวถึงทีมเก่าของเขาไม่ขาดปาก แต่เป็นในแง่ลบเกือบ 100% โดยเฉพาะกับขาใหญ่อย่าง สตีเวน เจอร์ราด ถึงกับเคยโดนดูถูกว่าเป็น "นักเตะบ้าน ๆ " เลยทีเดียว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจะได้ตัวนักเตะชุดแชมป์โลกจาก ทีมชาติบราซิล !
"ผมได้รับข้อเสนอมากมายจากหลายสโมสร แต่พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมให้สัญญากับแฟน ๆ เลยว่า จะทุ่มเททุกอย่างในสนามตั้งแต่นาทีแรก" เคลแบร์สัน กองกลางแซมบ้าชุดแชมป์โลก 2002 กล่าวในการเปิดตัวกับทีมปีศาจแดง
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จัดการเสริมทัพในซีซัน 2002-2003 ด้วยการดึงมิดฟิลด์ทีมชาติบราซิล มาร่วมทีมหลังจากที่ได้แชมป์โลกมาหมาด ๆ ทำให้เขากลายเป็นนักเตะบราซิลเลียนคนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร พร้อมกับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ปีกวัยรุ่นของ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน อีกหนึ่งคน
แล้วก็ทราบกันดีว่าเส้นทางของทั้งคู่กลับสวนทางกันอย่างไม่มีวันพบเจอกันได้ ขณะที่ โรนัลโด้ ค่อย ๆ พัฒนาฝีเท้าจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของโลกฟุตบอลในช่วง 10 ปีหลัง แต่กับ เคลแบร์สัน เขาไม่สามารถโชว์ฟอร์มเหมือนตอนที่เล่นให้กับทีม เซเลเซา ได้เลย แถมยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน อยู่ตลอดเวลา จนในที่สุดก็ถูกส่งต่อให้ เบซิคตัส รับเซ้งไปในปี 2007
ขอขอบคุณ : https://www.90min.com/
ฟุตบอลโลก จบลงไปสิ่งที่ตามมาก็คือ การย้ายทีมของนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในทัวร์นาเมนต์ที่ผู้คนและบรรดาโค้ชทีมต่าง ๆ จับตามองกันทั่วโลก